ค้นหาบล็อกนี้

23 กันยายน 2555

ลูกจ้างพตอ.นพ.แฉ โคตรโหด หมอฆ่าฝังอีก2ศพ


ลูกจ้างพตอ.นพ.แฉ โคตรโหด หมอฆ่าฝังอีก2ศพ

ลงโทษซาดิสต์บดมือขาดกุด แฉกระดูกที่เจอเป็นศพพม่า ลุยขุดพบอีกกระดูกเหยื่ออุ้ม

เจอ อีกศพโครงกระดูกมนุษย์ ถูกฆ่าฝังหมก ลานซ้อมยิงปืนกลางไร่ของ “พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ” อายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ หลังมีพยานชี้เป้าให้ขุด เป็นศพผู้ชาย ถูกยิงที่ศีรษะ เจอหลักฐานเด็ดเสื้อกีฬาเบอร์ 20 พ่อกับลูกสาวเหยื่ออุ้มฆ่าถึงกับปล่อยโฮ เชื่อเป็นศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย เพราะจำได้ว่าใส่เสื้อตัวดังกล่าวในวันที่หายสาบสูญไปพร้อมเมีย ขณะที่คุณหมอตำรวจเจ้าของไร่ ขอเลื่อนนัดมาพบพนักงานสอบสวนคดีปืน 42 กระบอกเป็นวันที่ 27 ก.ย.นี้ อ้าง รอรวบรวมหลักฐานการครอบครองปืนมาชี้แจง ด้าน ผบช.ภ.7 ลั่น หากมีหลักฐานพันคดีฆาตกรรม จะออกหมายจับตามล่าตัวทันทีไม่รอให้มอบตัว ด้านตำรวจพบพยานปากเอกเป็นคนงานพม่าออกมาแฉแหลกพฤติกรรมนายจ้างโหด จับกดแขนกับเครื่องบดจนแหลกละเอียด ใช้งานหนักไม่จ่ายค่าจ้าง บาดเจ็บจากการทำงานก็ไม่รักษา ปล่อยให้พิการขาเสีย หนำซ้ำยังบงการให้ร่วมอำพรางศพเพื่อนคนงานที่ถูกคุณหมอ ตำรวจฆ่าทิ้งเพราะทำงานไม่ถูกใจ ระบุศพที่พบเมื่อ 20 ก.ย.เป็นศพคนงานพม่าที่ถูกจับกรอกยาพิษจนตาย โดยมีอีกศพถูกยิงหัวฝังไว้ใกล้กัน

ตำรวจเดินหน้าขุด คุ้ยคดีการหายตัวไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาพร้อมรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ อย่างต่อเนื่อง หลังนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์พร้อมพาไปตรวจสอบภายในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี ตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ก่อนขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักและไร่มันสำปะหลัง หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์   เลาหะวัฒนะ อายุรแพทย์ประจำ รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา พบโครงกระดูกมนุษย์ถูกยัดใส่กระสอบปุ๋ยฝังหมกไว้ในไร่ 1 ศพ และพบอาวุธปืนยาว-ปืนสั้นรวม 42 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าโครงกระดูกที่พบน่าจะเป็นศพของนายสามารถ หรือ น.ส.อรษานั้น ขณะที่ พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ เจ้าของบ้านและไร่มันสำปะหลังที่เกิดเหตุ โทรศัพท์นัดหมายจะมาพบตำรวจเพื่อให้ปากคำในวันที่ 21 ก.ย. เวลา 10.00 น. นั้น

ที่ หน้า สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ก.ย. ผู้สื่อข่าวทั้งจาก นสพ. โทรทัศน์และวิทยุกว่า 50 คน มาปักหลักเฝ้ารอการเข้าพบพนักงานสอบสวนของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ตามที่นัดหมายไว้ ปรากฏว่า พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ได้โทรศัพท์แจ้งไปทาง พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปเป็นวันที่ 27 ก.ย.นี้ อ้าง ว่าเอกสารทะเบียนปืนยังรวบรวมได้ไม่ครบทั้ง 42 กระบอก โดย ผบช.ภ.7 เผยกับผู้สื่อข่าวว่า  เป็นสิทธิของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ที่จะเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ในขณะเดียวกัน หากตำรวจมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายสามารถและ น.ส.อรษา รวมถึงคดีฆาตกรรมอื่นๆ ทางตำรวจก็จะไม่รอให้มาพบ แต่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับทันทีไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ ได้กำชับให้ชุดสืบสวนเร่งรัดค้นหาศพของผัวเมียที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว

ขณะ เดียวกัน   พ.ต.ต.วรณัน  ศรีล่ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และนายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ ผอ.ส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เพื่อประสานงานขอข้อมูลเบื้องต้นจาก พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี เกี่ยวกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา เพื่อสรุปรูปคดีว่าเป็นคดีอาญาที่มีผู้มีอิทธิพลหรือข้าราชการระดับสูงเข้า มาเกี่ยวข้องหรือไม่

ที่ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน นายภูวิช ยมหา ผอ.ส่วนสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางไปยัง สภ.เมืองนนทบุรี ประสาน พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี และ พ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดช– โชติพิสิฐ รอง ผกก.สส. เพื่อขอข้อมูลคดีที่นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ หายตัวไปกว่า 3 ปี พร้อมกับรถกระบะโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 5960 เพชรบุรี ก่อนที่นายสว่าง นุ่มจุ้ย อายุ 55 ปี พ่อนายสามารถจะตามไปพบจอดอยู่ในโรงจอดรถภายในบ้านร้างเลขที่ 125/53 และ 125/2 ซอยกรุงเทพฯ-นนท์ 1 หมู่ 6 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี ก่อนจะเดินทางไปดูบ้านหลังดังกล่าว พร้อมสอบถามข้อมูลจากเพื่อนบ้านข้างเคียงแต่ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบภายใน โดยระบุว่าหากสรุปว่ารับเป็นคดีพิเศษ จะย้อนกลับมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ช่วง เที่ยงวันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ นายสว่าง นุ่มจุ้ย ด.ญ.สมประสงค์ นุ่มจุ้ย พ่อและลูกสาวนายสามารถ นุ่มจุ้ย พร้อมด้วยนางเอื้อน เกิดทรัพย์ แม่ของ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สรยุทธ ปุสสะ ช่างภาพทางการแพทย์ (สบ 3) กลุ่มงานนิติพยาธิ สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตร. เพื่อเก็บดีเอ็นเอตรวจสอบว่าตรงกับโครงกระดูกที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ หรือไม่ โดย พ.ต.ท.สรยุทธกล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการเก็บดีเอ็นเอภายในกระพุ้งแก้มของญาติผู้เสียชีวิตนำไปตรวจ สอบว่าตรงกับโครง กระดูกที่พบหรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการตามขั้นตอนโดยต้องตรวจพิสูจน์โครงกระดูกอย่างละเอียดว่า เป็นเพศใด เชื้อชาติอะไร จากนั้นจึงจะนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของญาติว่าตรงกันหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะทราบผล

ด้านนายสว่าง กล่าวว่า  จากการสอบสวนพยานบุคคลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทำให้น่าเชื่อได้ว่าศพดังกล่าวเป็นลูกของตนจริง อยากให้  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะทำให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้น  ตนอยากรู้ว่าศพของลูกตนอยู่ที่ไหน  จนถึงขณะนี้ตนมั่นใจว่าศพน่าจะเป็นของลูกตน เนื่องจากตรงตามที่พยานบุคคลให้การทุกอย่าง

ต่อ มาเวลา  11.00 น.วันเดียวกัน  พ.ต.ท.ปรีชา รอดคงที่  รอง  ผกก.ป.สภ.ท่าไม้รวก  พร้อมกำลังและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน บก.ภ.จ.เพชรบุรี  เดินทางไปตรวจสอบภายในไร่มันสำปะหลังของ  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์  เลาหะวัฒนะ  อีกรอบ  หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่ายังมีคนงานชาวพม่า อีก  1  คนที่รู้เห็นการฆาตกรรมนายสามารถและ น.ส.อรษา ชื่อนายกะลา อายุ 30 ปี แต่พบเพียงภรรยาของนายกะลากำลังเลี้ยงวัวอยู่เพียงลำพัง  หลังทราบว่าเป็นตำรวจมาคลี่คลายคดี  จึงยอมบอกที่ซ่อนตัวของสามีว่าแอบไปซ่อนตัวอยู่ในสวนป่ายูคาลิปตัส หมู่ 10 บ้านวังข้าวสาร ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ตำรวจเดินทางไปพบนายกะลา  พบรถกระบะและรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ไม่ทราบทะเบียน จอดซุ่มอยู่ตรงทางเข้าสวนป่ายูคาลิปตัส  พอเห็นกำลังตำรวจและผู้สื่อข่าว รถทั้ง 2 คันก็รีบขับออกไปทันที

จากนั้น พ.ต.ท.ปรีชา รอดคงที่ รอง ผกก.ป. สภ.ท่าไม้รวก ได้เข้าไปพบนายกะลา  คนงานชาวพม่า ที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนป่ายูคาลิปตัส  โดยนายกะลาซึ่งอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด  รีบโผออกจากที่ซ่อนเข้ามาพบ  พ.ต.ท.ปรีชาเพื่อให้ช่วยคุ้มครองความปลอดภัย  เพราะเป็นพยานปากสำคัญในคดีฆาตกรรมหลายคดี  ทั้งนี้ นายกะลามีร่างกายพิการ  แขนขวาช่วงตั้งแต่ข้อศอกลงมาขาดหายไป  ส่วนขาทั้ง 2 ข้างก็ผิดรูปจนเดินขาเป๋

นาย กะลาให้การว่า ทำงานเป็นลูกจ้างรับใช้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ในไร่มานานกว่า  18  ปี  ตลอดเวลาถูกใช้ให้ทำงานหนักโดยไม่ได้รับค่าจ้าง   มีเพียงอาหารประทังชีวิตไปวันๆ  เมื่อประมาณ  4-5  ปีก่อน  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ได้ใช้ให้ตนบดต้นข้าวโพดโดยใช้เครื่องบดไฟฟ้า  ขณะทำงาน  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ได้เข้ามาต่อว่าตนที่ทำงานในไร่ไม่ได้ดั่งใจ  ก่อนจะใช้กำลังจับมือขวาของตน  ยัดเข้าไปในเครื่องบดที่กำลังทำงานจนถูกตัดขาดเกือบถึงข้อศอกก่อนเดินหนีไป  โดยไม่สอบถามหรือพาไปรักษาพยาบาลแต่อย่างใด ปล่อยให้ตนทำแผลและหายามารักษาตัวเองตามยถากรรม  ส่วนที่ขาตนกะเผลกเดินไม่สะดวกเพราะถูก  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ บังคับให้ปีนต้นมะพร้าวแต่พลัดตกลงมาขาหักทั้ง 2 ข้างแต่  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ไม่ดูดำดูดีปล่อยให้รักษาตัวเอง ทำให้ขาพิการผิดรูปร่างมาจนถึงทุกวันนี้

นายกะลาแฉถึงพฤติกรรมนายจ้างต่อไปว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ปกครอง ลูกจ้างโดยใช้วิธีรุนแรงมาตลอด เมื่อไม่พอใจก็ใช้ไม้หน้า 3 ตี หรือใช้มีดปาดใบหูทิ้งอยู่บ่อยครั้ง  มีอยู่  2  ครั้งที่นายจ้างก่อเหตุรุนแรงและตนถูกบังคับให้มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย โดยเมื่อประมาณ  2  ปีเศษ  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ไม่พอใจเพื่อนคนงานชาวพม่า 2 คนทำงานไม่ได้ดั่งใจ จึงบังคับให้คนแรกกินยาพิษตายไปต่อหน้า  ก่อนใช้ปืนยิงหัวคนงานอีกคนเสีย ชีวิต  บังคับให้ตนนำศพใส่ถุงปุ๋ยนำไปทิ้งที่บ่อน้ำแห้งขนาดเล็กใกล้กอไผ่ในไร่แล้ว ใช้รถไถกลบ  พร้อมทั้งข่มขู่ด้วยว่าตนมีส่วนร่วมฆาตกรรม หากคิดจะหนีจะต้องถูกตำรวจอุ้มไปยิงทิ้ง  ทำให้ตนไม่กล้าหนีออกจากไร่  ต้องทนอยู่ทำงานมาตลอด

เมื่อ ถามถึงศพนายสามารถและ  น.ส.อรษาที่สงสัยว่าจะถูกฆาตกรรมไปแล้วนั้น  รวมถึงโครงกระดูกที่ขุดพบเมื่อวันที่  20  ก.ย. นายกะลากล่าวว่า โครงกระดูกที่พบเมื่อวันที่  20  ก.ย. เป็นศพของคนงานพม่าที่ถูกบังคับให้กินยาพิษจนตาย  ส่วนอีกศพถูกฝังอยู่อีกด้านของกอไผ่เป็นคนงานพม่าที่ถูกยิงทิ้ง  ส่วนศพนายสามารถและ  น.ส.อรษา  นายกะลาปฏิเสธว่าไม่ทราบและไม่เคยเห็นบุคคลทั้ง 2 แต่อย่างใด  หลังสอบปากคำนาย กะลาเสร็จสิ้นในเบื้องต้น พ.ต.ท.ปรีชา รอดคงที่ รอง  ผกก.ป.สภ.ท่าไม้รวก ได้พาตัวนายกะลาไปเก็บไว้ในเซฟเฮาส์เพื่อความปลอดภัย  หลังนายกะลายืนยันว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่  21  ก.ย.  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์โทรศัพท์มาหาถึง 3 ครั้ง แจ้งว่าจะส่งคนมารับไปซ่อนตัวที่กรุงเทพฯ  แต่ตนกลัวถูกฆ่าปิดปาก จึงรีบหนีมาซ่อนตัวกระทั่งตำรวจมาพบดังกล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ปรีชา รอดคงที่ รอง ผกก.ป.สภ.ท่าไม้รวก ได้รายงานข้อมูลที่ได้จากปากนายกะลา ต่อ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ก่อนจะสั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก เสนอขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี เพื่อเข้าตรวจค้นจุดที่ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีกรอบเมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน โดยมี พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก พ.ต.ต.วรณัน ศรีล่ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และนายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ ผอ.ส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ  (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน เดินทางไปร่วมตรวจสอบ ซึ่งการตรวจค้นในตอนแรกจะขุดบริเวณอีกฝั่งของกอไผ่ที่พบโครงกระดูกเมื่อวัน ที่ 20 ก.ย.ตามคำบอกเล่าของนายกะลา

แต่นายสุธยา เกิดทรัพย์ พี่ชายของ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ที่เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ได้ขอให้ย้ายจุดไปขุดบริเวณลานซ้อมยิงปืนของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่อยู่ห่างจากกอไผ่ที่พบโครงกระดูกเมื่อ วันที่ 20 ก.ย.ไปทางทิศใต้ประมาณ 200 เมตร โดยระบุว่ามีคนให้เบาะแสว่าศพน้องสาวกับน้องเขยถูกฝังไว้บริเวณดังกล่าว โดยมีนายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และญาติๆกว่า 10 คนตามมาสมทบและลงมือช่วยขุดด้วยตัวเอง

กระทั่งเวลา 17.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮขุดจุดที่ต้องสงสัยแบบปูพรมเป็นตารางสี่เหลี่ยม จัตุรัสกว้างด้านละ 2 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร ก็พบเศษชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์เป็นชิ้นส่วนนิ้วมือ ท่อนขา และกระดูกสันหลังถูกฝังอยู่ในลักษณะนอนราบ โดยมีเศษเชือกและท่อนเหล็กยาว 40 ซม. อยู่ในกองกระดูกดังกล่าว พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก. สภ.ท่าไม้รวกจึงสั่งรถแบ็กโฮหยุดขุด และเปลี่ยนมาใช้กำลังคนขุดค้นแทน เพราะเกรงว่าชิ้นส่วนกระดูกจะเสียหาย

การขุดค้นอย่าง เอาจริงเอาจังใช้เวลานานกว่า 1 ชม.ก็พบโครงกระดูกมนุษย์ครบทุกส่วน ทั้งกะโหลกศีรษะที่มีรอยรูกระสุนปืนเข้าที่กกหูซ้าย 1 นัด ชิ้นส่วนกระดูกแขนขา กระดูกซี่โครง กระดูกสันหลังและเศษเสื้อยืดกีฬาแขนสั้นสีน้ำเงิน ด้านหลังติดหมายเลข 20 สภาพเกือบสมบูรณ์ ทำเอานายสว่าง นุ่มจุ้ย และ ด.ญ.สมประสงค์ นุ่มจุ้ย พ่อและลูกของนายสามารถถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมาทันที ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเสื้อตัวเดียวกับที่นายสามารถ นุ่มจุ้ยใส่ในวันที่หายตัวไปพร้อมภรรยา ทางเจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมโครงกระดูกทั้งหมด ส่งไปตรวจเทียบดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นกระดูกของนายสามารถจริงหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็สั่งยุติการขุดค้นชั่วคราว โดยจะกลับมาขุดต่อในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ทั้งจุดลานซ้อมยิงปืนและกอไผ่ฝั่งตรงข้ามกับจุดที่พบโครงกระดูกชุดแรกเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ด้วย
โดย: ทีมข่าวหน้า 1
22 กันยายน 2555, 09:00 น.

อังคาร 17 กค นี้ ชาว BIGBIKE จะรวมตัวตัว ค้านเรื่องห้ามมอไซค์นำเข้า จดทะเบียน

องต่างมุม เรื่อง รถ Invoice
ในสมัย 20 ปีก่อน การจะจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์สักคัน ไม่ใช่เรื่องยาก

ถ้านำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่เข้ามา และมีความประสงค์จะประกอบขึ้นเป็นคัน เพื่อใช้งาน

ทางหลวงก็อนุญาตให้นำรถที่ประกอบเสร็จแล้ว มีสภาพสมบูรณ์ ไฟเลี้ยวไฟเบรกครบ

นำมาตรวจสภาพกับกรมการขนส่ง จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฏหมาย เรียกขั้นตอนนี้ว่า

"การจดประกอบ" กฏหมายนี้ข้อดี ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือประชาชน และทางราชการ

คือ ประชาชนมีโอกาสได้ใช้รถที่มีสมรรถนะดี มีความปลอดภัย และตรงกับวัตถุประสงค์

ต้องยอมรับว่ารถจักรยานยนต์ต่างประเทศ โลหะมีคุณภาพดีกว่ารถประกอบในประเทศมาก

แม้จะเป็นรถที่ถอดอะไหล่มาประกอบใหม่ด้วยมือช่างก็ตาม ตัวรถก็ยังมีความมั่นคงแข็งแรง

ระบบการทรงตัว โดยเฉพาะระบบเบรก ดีกว่ารถที่บริษัทต่าง ๆ ทำขายในประเทศมาก

(รถในประเทศหลาย ๆ รุ่นยังเป็นดรัมเบรกอยู่เลย) ประชาชนจึงได้ประโยชน์ในด้านความปลอดภัยในการใช้งาน

ส่วนทางราชการก็ได้ประโยชน์ในรูปแบบของภาษีประจำปี และทางราชการก็ไม่ต้องมานั่งกังวล

หากมีใครทำรถไม่มีทะเบียนไปก่ออาชญากรรม เพราะผู้ใช้นำรถมาจดทะเบียนมีตัวตนชัดเจน

แน่นอน เมื่อมึผู้ได้ประโยชน์ก็ย่อมมีผู้เสียผลประโยชน์ ดูเหมือนว่าการจดประกอบจะทำให้

บุคคลกลุ่มหนึ่งเดือดร้อน คือ บริษัทต่าง ๆ ที่ประกอบรถจักรยานยนต์ขายในประเทศไทย

เพราะขายรถได้น้อยลง หรือขาดทุนกำไร ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นภาพ

- รถ NSR150RR ราคารถใหม่ออกห้างประมาณ 60000 บาท

- รถ CBR400RR ราคารถ Invoice 40000 บาท + ค่าจดประกอบ 5000 บาท

จะเห็นได้ว่าหลายคนตัดสินใจซื้อ CBR400RR เพราะคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า

สมรรถนะดีกว่า ถึงแม้จะเป็นรถมือสอง ไม่มีศูนย์บริการรองรับก็ตาม

หรือ BOSS175 ราคา 80000 บาท กับ STEED400 ราคา 60000 บาท + ทะเบียน 5000

ถามว่า ถ้าเลือกได้ สาวกช็อปเปอร์ จะขับ BOSS 175 หรือ STEED 400 cc.

ประชาชนคนรักสองล้อในยุคนั้น เหมือนอยู่โลกแห่งความฝัน

มีโอกาสได้ใช้รถที่ดี มีความมั่นคงปลอดภัยในราคาที่เอื้อมถึง

สามารถซื้อรถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงในฝันด้วยราคาที่"ผู้ซื้อพอใจ"

"ไม่ใช่ต้องถูกมัดมือชก ซื้อรถคุณภาพงั้นๆในราคาสูงที่โรงงานพึงพอใจ"


นั่นทำให้บริษัทที่ประกอบรถจักรยานยนต์ขายต้องลดราคาลงมา ขายแพงมากไม่ได้

ถ้าตั้งราคาเอากำไรมากไป คนจะหันไปซื้อรถนอกนำเข้าจดประกอบกันหมด

นี่คือสภาวะการแข่งขันทางการตลาด ที่เรียกว่าผู้บริโภคมีอำนาจเหนือตลาด(ประชาชนได้ประโยชน์)

เมื่อเสียผลประโยชน์ จึงเป็นที่มาของการ Lobby นักการเมืองในยุคนั้น ให้ยกเลิกกฏหมายจดประกอบ

ความฝันที่สวยงามจบลงที่ตรงนั้น...

ตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา ไม่มีรถจดประกอบอีกต่อไป หากต้องการทำทะเบียน ต้องจ่ายเงิน

หลายหมื่นบาทเป็นค่าตรวจสภาพ และค่าลายเซ็นวิศวกร (ตรวจไม่ผ่าน ไม่คืนเงิน)

ถ้าสังเกตดูจะพบว่านี่คือกฏหมายกีดกันทางการค้า กฏหมายนี้กีดกันไม่ให้รถ Invoice ได้โงหัว

คนเล่น Bigbike เป็นเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ ใหนเลยจะมีทุนหนาไป Lobby นักการเมืองได้

สุดท้ายก็แพ้อำนาจเงินของบริษัทขายรถจักรยานยนต์

และมาวันนี้ เหล่ารถนอกจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป เพราะมีการห้ามนำเข้าโครงรถจักรยานยนต์ใช้แล้ว

เป็นการปิดประตูความฝันอย่างสิ้นเชิง โอกาสที่จะได้ใช้รถที่มีคุณภาพดี

ในราคาที่ผู้ซื้อพอใจ ในราคาที่ผู้ซื้อเป็นผู้กำหนด ไม่มีอีกแล้ว !


สมัยนี้มีเงินครึ่งแสน ซื้อได้แค่รถผู้หญิง รถสกู๊ตเตอร์ (กว่าจะผ่อนหมดเกือบแสน) ซื้อได้แต่

รถคันเล็ก ๆ ราคาตั้งตามใจผู้ขาย เพราะอำนาจเหนือตลาดกลับไปอยู่ในมือของบริษัทขายรถอีกครั้ง


จะขายแพงเท่าไหร่ก็ได้ คุณก็ต้องซื้อ เพราะคุณไม่มีตัวเลือกอีกต่อไป


เมื่อก่อนผู้ใช้รถนอก จดทะเบียนถูกต้องถามกฏหมาย พาเจ้าล้อโตขับขี่ไปใหนก็ได้

เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคนเถื่อน ถูกรังเกียจ ถูกตราหน้าจากสังคมอย่างกับคนขายยาบ้า






RIP ขอไว้อาลัยให้กับบรรดาเจ้าล้อโตเสียงหวานทั้งหลาย ขอให้ไปสู่สุขติ

23 กรกฎาคม 2555

จัดกระดูกที่วัดทุ่งควั๊ะ

ไปตอนบ่ายสามแล้วอยูที่ร้องกวาง ทางไปขุนสถาน ได้ยินโคสนาจากพอวิทยุุ คงไม่เป็นไรถ้าจะลองดู เพราะรำคาญกับความเจ็บปวดที่เข่าทั้งสองข้างเหลือเกิน พึ่งเคยครั้งแรกไปถึงก็มีหมอมาจากเพชรบูรณ์ ใส่ชุดขาวแบบชี เขาว่ามาชัวคราววันที่ 26 นี้ก็จะกลับ รอแกคุยทอสับซํกพักจังหวะไม่มีคนป่วย จึงไม่ต้องรอคิวสอบถามอาการแล้วก็ให้นอน นั่งท่าต่างๆ แล้วแก็ทำการกระตุกเููสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบๆแกร๊บๆ แกบอกว่าเป็นการจักกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ เหมือนที่เคยอ่านจากในเน็ทนั่นแหละ เสียค่าครู 39 บาทกับบริจาคอีก 100 บาท ก็รอดูว่ามันจะดีขึ้นเท่าไร แต่ก็ไม่หวังมากมายในส่วนที่มันเป็นมากมายอย่างเข่าขวาที่ผ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง อะไรมันคงเป็นไปตามเหตุตามผล แต่เข่าซ้ายรู้สึกดีขึ้นคงจะเป็นเพราะมันไม่ได้เสียหายมาก นั่งคุยกับอาจารย์ และเจ้าอาวาสอีกเล็กน้อยได้สาระว่า ถ้าผ่าเส้นเอ็นมาแล้วทำไม่ได้ กระดูกทับเส้นก็ทำได้ก็เลยว่าจะพาพ่อตามารักษาด้วย แล้วก็กลับบ้าน

2 กรกฎาคม 2555

ใบไม้ใบเดียว

   บั้นเอวแทบใช้การไม่ได้ ยกเอาอ่างน้ำพุหน้าบ้านมาเปลี่ยนอันในเพราะเปิดน้ำพุทิ้งไว้แล้วน้ำมันหาย แล้วก็ยกเอาอันที่คิดว่ามันรั่ว ใส่น้ำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อทำเสร็จ แล้วก็ตั้งอ่างอันใหม่แล้วเปิดน้ำพุไว้ ดูว่าน้ำมันจะหายหรือเปล่า  เมื่อกี้มาดูปรากฏว่าไม่หายเลยมานั่งวิเคราะห์สาเหตุที่มันหายแล้วก็ อ้อ....
 มันหายเพราะ มีใบไม้จากกระถางข้างๆน้ำพุเอียงมาพาดเป็นรางน้ำค่่อยๆไหลออกจากอ่างทีละน้อย
จนแทนหมดถัง มันเป็นเำพราะ นังแจ้น....ย้ายกระถางมาวางข้างน้ำพุ....เฮ้อ....เดียวไปย้ายคืนก่อน

เฉียดคุก

      กินข้าวเที่ยงเอา บ่ายสองจะเชื่อมสายหัวฉีดต่อก็หัวแร้งไหม้เลยเซ็ง มานั่งดูบล๊อกฟังเสียงเคาะตัวถังช่างสีข้างบ้านที่มันน่ารำคาญ แล้วก็ปลง ทำให้ระลึกถึงเรื่องที่ทำเอาเราเกือบไปอยู่คุกเมื่อเดือนที่แล้ว
   ตั้งแ่ต่เรามาอยู่ที่นี่เมื่อยังเป็นทุ่งนา มีอู่เรากับที่ซุกหัวนอนหลังเดียวโดดๆ ด้วยความที่อยากอยู่เงียบๆห่างไกลเสียงรถข้างถนน ทั้งๆที่กลัวจะไม่มีลูกค้า บังเอิญมาซื้อที่ติดกับช่างแป๋วทำสี พอเรามาอยู่ได้ไม่นาน มันก็มาทำอู่สี ก็ทำใจแล้วว่าต้องมีเีสียงดัง เหม็นสี แต่ก็ทำใจว่าเขาทำมาหากินทนเอาได้ แต่เหมือนยิ่งหนียิ่งเจอ ไอ้ที่เรายอมทนนั้นก็ว่าหนักแล้ว แต่มันมีมากกว่านั้นอีก แค่เรามาสร้างอู่วันแรกทีมันมาทักเราคือ "อย่าให้หลังคายืนข้ามเขตมานะ" ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ทำเลย มนุษย์์ หนอมันอะไรกันนักหนา
จนเมื่อมันมาอยู่ใกล้กัน เราอุตส่าห์ผูกมิตร ส่งลูกค้าให้ กล้วยออกก็แบ่งไปให้ คิดว่าเอาไว้พึ่งพากันแต่มัน....กลางวันทำงานเสียงดังเราไม่ว่า เปิดวิทยุลั่นข้ามบ้าน จนเสียสมาธิ เคยขอร้องดีๆ จนเบื่อ กินเหล้าตอนเย็นเสียงดัง ดึกๆเมาเพี้ยน ค...ว.....ลั่นทุ่ง แถมเปิดเพลงลั่นยันเที่ยงคืน...ก็ทนมาเรื่อย วันปีใหม่ไทย ก็เอาเครื่องเสียงมาเปิดกินเหล้าเราก็หนีไปนอนห้องใต้ดิน สงกรานต์ ยังอีกสองวันมันก็เอาแล้ว วันวาเลนไทน์ ตรุษจีน คริสมาสต์ สาบานว่าไม่ได้โกหก มันเอาเครื่องเสียงมาเปิดทั้งวันยันกลางคืน ไม่เคยซักคำจะไปว่า
  จนวันนั้นจำได้ว่าเป็นวันที่ ร้อนที่สุดในประเทศไทย เย็นหลังเลิกงาน อบอ้าว ทั้ง ร้อน มันกับลูกน้อง
แดกเหล้า เปิดเพลงลั่นอีก ว่าจะ้ข้ามไปบอกดีๆ เมียห้ามให้ไปหลบห้องใต้ดินที่อุตส่าห์ขุดทำหลบเสียงดังมัน แต่ยังไงมันก็ยิ่งดัง จนในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอยูในสมองอีกแล้ว คว้าได้ .38 เก่าๆเหนี่ยวขึ้นฟ้า สองที ....มันก็ยังไม่หยุด ก็เลยเหน็บหลังไปที่บ้านมัน เมียวิ่งตาม ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดแล้ว ปรากฎว่ามันยอมปิด มันบอกว่ามันลองเครื่องรถ มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย ทุเรศ
         หลังจากนั้นมาเรามานั่งคิด อะไรกันเราเกือบติดคุกเสียแล้วนะนั่น .....แล้วเราก็ทนฟังเีสียงมันเคาะสีอีกต่อไป พรุ่งนี้ไม่รู้งานเคาะมันจะเสร็จหรือเปล่า....

แก้ versus แล้วก็เจอ ac 97 สองเด้งทั้งoverheat แก๊ส

แก้เบาดับวิ่งอืด ของเวอร์ซุส ที่ได้ลูกค้าจากอู่ที่ติดตั้งกลืนไม่ลงแล้วส่งมาให้ เป็นยี่ห้อที่อินเตอร์ ลูกค้าก็ไม่ใช่ใคร ช่างโรงกลึงที่รู้จักกัน ไปติดที่ร้านดังๆของจังหวัด สุดท้ายก็มาให้เราแก้แต่ก็ยินดีรับทำ เพราะหวังว่าวันหลังคงมาติดที่เราอีกบ้าง ก็ไม่ยากมากมาย จุนใหม่แก้บางจุด ก็จบด้วยดี ขอบคุณร้านที่แนะนำมานะครับ อีกคัน ฮอนด้า แอ๊คคอร์ด แทบตายตาไ่ม่หล้บ เป็นรถของน้องๆช่างยาง ซื้อมาไม่นานน้ำเดือดพล่าน แก๊สไม่นิ่ง ไสฝา ล้างหม้อน้ำสุดท้าย ปั๊มน้ำใบพัดเป็นสนิม จูนแก๊สย้ายหม้อต้มให้อีกด้วย จบด้วยควาลำบากยากเย็นแต่ก็ชื่นใจครับ เรามันอยู่ในซอยได้งานก็ต้องที่ยากแบบที่อื่นไ่ม่เอาแล้วนั่นแหละ มองในแง่ดีก็ได้มีความรู้เยอะๆ

14 มิถุนายน 2555

ขอเปิดตัว 2

จนได้งานทำที่ กทม.โดยหาสมัครสอบไปเรื่อยๆไม่สนใจงานบริษัทของญาติแม่ที่เมืองทองที่แม่อยากให้ไปทำ ทำงานีแรก ปี 2527 จนถึงปี 2538 ย้ายออกจากฮอนด้าคาร์ส ลาดพร้าวมาเป็นหัวหน้าศูนย์แพร่
แล้วก็ลาออกมาทำอู่เอง ปี 2000 จึงตั้งชื่ออู่ว่า อู่ 2000ออโต้เซอร์วิส จนถึงวันนี้ คร่าวในเส้นทางชีวิตครึ่งศตวรรษ ที่เหมือนฝัน ตอนนี้ก็มีรับติดแก๊สด้วย ซ่อมด้วย งานก็มีเรื่อยๆเข้ามาอยู่ในซอยไม่ชอบความวุ่นวายนอกถนน เปิดแบบพอเพียง มีกินมีใช้พอได้ไม่ขัดสน ที่มาเขียนบทความดังหัวข้อข้างบนก็เพราะเกิดจากความรู้สึกที่น้อยใจในชะตาของเรายิ่งนัก จากเคยมีความรู้สึกว่า ทำไมเราถึงจะมีคนมาเชื่อถือเราว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานให้เขาได้ถึงแม้องค์ประกอบภายนอกจากสถานที่ ความน่าเชื่อถือดูน้อยไปหน่อย ไม่เหมือนอู่ใหญ่ๆที่ดูตรงข้ามกับเรา เพราะว่าเคยมีลูกค้าหลายคนที่โทรฯมาสอบถามเรื่องงาน ติดแก๊ส ถึงขนาดมานั่งคุยเป็นเรื่องเป็นราว เราอุตส่าห์ตั้งใจคุยเป็นชั่วโมงมาให้ความหวังเรา
แต่สุดท้ายหายจ้อย เท่าที่สังเกตเขาถามๆเหมือนกับไม่แน่ใจในความสามารถของเรา คงประเมินจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น สถานที่ ทำเล ฯลฯ สุดท้ายเขาก็ไปหาอู่ใหญ่ๆ ทั้งๆที่เราก็สาธยายข้อมูลความรู้หลักการ การให้ความมั่้นใจต่างๆว่าเราทำได้ และทำได้ดี ทำได้เยอะยกตัวอย่าง ปกติแล้วแต่ละอู่ที่ติดแก๊สในจังหวัด จะติดได้อู่ละยี่ห้อ เท่าที่ไปอบรมมาเท่านั้น สำหรับอู่เรา สามารถทำได้หลายยี่ห้อ เนื่องจากเรามีความเข้าใจในหลักการ ซึ่งทำให้ทำได้หลายยี่ห้อ...สงสัยเขาหาว่าเราโม้ เขาไม่สน
   ก็ทำใจเหมือนอย่างที่พูดว่าไม่มีใครเชื่อใครง่ายๆว่าใครมีดีหรอก เฮ้อ...ปกติก็ไม่อยากอวดอ้างว่าเก่งกาจอะไร แต่เพียงบอกความจริงให้รู้เท่านั้น อย่างน้อยก็เพื่อการหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวก็พยายามที่สุดใครจะว่าไงก็ตาม แต่ขอบอกว่าผมพูดแต่ความจริง ทำได้ก็ต้องได้ ไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันดังนั้นผมจึงอยากเสนอเิปิดตัวว่าผมมีความสามารถต่างๆอะไรบ้างเท่าที่มีตั้งแต่จำความได้ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้จะมาอุดหนุนจุนเจือและให้ผมนำความสามารถในงานอาชีพมาสร้างประโยชน์ให้ท่านได้บ้างถ้าไม่บอกก็ไม่รู้
  ผมไม่ถึงกับเป็นคนเก่งมากมายอย่างที่สุด แต่ผมมีความรู้ความสามารถในงานอาชีพช่างยนต์และคอม ฯไม่ได้อวดแต่ขออนุญาตเอามายืนยันนะครับผมเคยแข่งฝีมือช่าง รองชนะเลิศ ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ของประเทศที่ ดินแดง ปี 90 สมัยอยู่ฮอนด้า คืออันดับที่สูงสุด นอกนั้นก็มีอีกบ้าง ใครอยากเห็นก็มาดูได้ที่ข้างฝาบ้านครับ  และขอเอาผลงานและเวลาที่ผ่านมาเป็นเครื่องประกันก็แล้วกันนะครับ อาชีพช่างผมอยากเลิกจริงๆ อยู่กับคำถามตลอด ส่วนมากทำงานเพื่อให้งานเสร็จและจบทำสำเร็จดีใจ จนลืมเรื่องเงินค่าตอบแทน เป็นอย่างนี้จริงๆ
วันนี้มีอารมณ์ อยากเขียนอะไรเล่นๆ หลังจากทำงานคนเดียวมาทั้งวัีนทำไปก็คิดไปเรื่อยๆเปื่อยๆ วางเครื่อง AC 97 เก็บระบบหลังจากเมื่อวานได้เจ้าสองคน ช่วยกันเอาเข้าวันนี้มันไปไหว้ครูช่าง วางเครื่องทีก็เป็นอะไรที่ต้องลุ้นในการรอฟังผลการทำให้ติด แล้วก็ทำให้มันทำงานได้สมบูรณ์ เพราะเครื่องนี้ที่ไปซื้อก็ไม่ได้ลองฟังเสียง สั่งให้เด็กที่ร้านรุ่งโรจน์เตรียมไว้ให้ออกจากแพร่วิ่งรถปานจะเหาะ เด็กพวกนี้ใกล้เลิกงานมันรีบๆทำบางทีก็มั่วๆบอกว่าโอ เค ถึงตาเรามาปล้ำหูตาเหลื่อกกว่าจะเข้าที่ ....วันนี้ก็เช่นกันประกอบเสร็จเกือบบ่ายสอง หลังจากแอบไปงีบหลังข้าวเที่ยงเสียหน่อย พอเครื่องติดได้อย่างที่คิดไว้เลย เดินไม่เรียบ ตั้งวาล์ว เปลียนหัวเทียน สลับสายหัวเทียน เคาะหัวฉีด สุดท้าย ปิด อี จี อาร์ ไงละ่่พี่น้อง พวกนี้เอาอีกแล้ว พอมันเข้าที่ เดินเรียบดี มันช่างสบายกระโหลกอะไรอย่างนั้น ....เฮ้อ...ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ชีวิตของช่างยนต์ มันมีแต่ คำถาม ปัญหา สมองได้ทำงานอยู่เรื่อย แต่ละงานที่ผ่านได้ทั้งเหนื่อยกาย เหนีอยสมอง บางทีได้แผลเล็กๆน้อยๆ ประจำคิดแบบน้อยใจหน่อยเมื่อเทียบกับนักธุรกิจ หรือผู้มีตำแหน่งเขาช่างสบายแท้ แค่เซ็นต์แก๊กสองแก๊ก ได้เป็นแสนเป็นล้าน....แต่ถ้าคิดแบบเข้าข้างตัวเิองหน่อยก็คิดเสียว่าสมองได้ทำงานจะได้ไม่ฝ่อ ร่างกายที่ออกแรง ได้เหงื่อก็เป็นการออกกำลงกายไปในขณะทำงานก็ดีไปอีกแบบ 5555พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว เ

ขอเปิดตัวในมุมสลัวๆ

เราเชื่อว่าการที่มีใครซักคนที่อยากแนะนำตัวโดยเที่ยวป่าวประกาศบอกใครๆว่าผมเก่ง ผมดี ผมทำอะไรได้บ้าง ฯลฯ นั้นผลที่ได้รับมันจะได้ตรงกันข้ามเสียมากกว่า การแอบซุ่มทำให้มีใครมาเจอแล้วไปบอกต่อ ก็เหมือนกับคำพังเพยที่ว่า "คมในฝัก"นั่นแหละ แต่ยุคนี้ในโลกการสื่อสาร การแข่งขันที่หวังเพียงผลประโยชน์ความร่ำรวยความสำเร็จ การคมในฝักมันไม่ค่อยธรรมชาติ แต่มักจะมีการจัดฉากดูเหมือนเจ้าตัวไม่รู้ตัวมีหน้าม้ามา มีสื่อมา แล้วก็เปิดตัวซะโด่งดังอย่างที่เห็นๆ แล้วอย่างเราที่ทำตัวอยู่ในหลืบ รอให้แมวมองหมามองมาค้นเจอ นี่ก็ครึ่งชีวิตแล้วยังไม่เคยมีใครรู้เลยว่าตัวเรามีอะไรที่น่าจะมีประโยชน์ใช้สอยบ้าง เสียดายถ้าตายก่อนคงเปล่าประโยชน์ ก็เลยตัดสินใจขอเิปิดตัวในมุมสลัวเท่าที่จะมีโอกาส พึ่งสื่อน้อยๆในบล๊อกแห่งนี้ที่ให้อานิสงแก่ผู้ยากไร้อย่างเ่รา ผมเองตั้งแต่เกิดก็เหมือนคนขี้เหม็นทั่วไปคนหนึ่ง มีชีวิตเกิดแล้วเข้าเรียนเมื่อครบกำหนดตามบ้านเมืองเขาทั่วไป เรียนจบก็หางานทำเอพ่อแม่ไม่มีสมบัติมาสร้างกิจการบริัษัทไว้ให้นั่งบริหาร เรียนจบกว่าจะได้ทำงานเป็นหลักแหล่งก็ทำมันทุกอย่างแลกข้าวที่เมืองฟ้า จนไ้ด้งานหลัก

16 พฤษภาคม 2555

CIVIC 92 สตาร์ทไม่ติด

ว่างๆมาอัพบล๊อกหน่อยมาขอบคุณที่สร้างประโยชน์ ให้ไม่ใช่น้อย ได้ลูกค้าที่สืบหาเราจากในเนท เปนรถ ฮอนด้า ซีวิคปี 92 ลากไปเข้าศูนย์ แล้วแก้ไม่ได้ ลูกแกอยู่ กทม.หาเราเจอจากในนี้แหละ ก็เลยมาหาเจอ ตอนนี้กำลังหา สาเหตุอยู่ พรุ่งนี้รู้ผล สโลแกนของเราคือ "ถูก และ ดี และต้อง ได้..."ก็ว่ากันไปครับ ทำแต่พอเพียงใครเชืี่อถือก็มาหากัน ราคามิตรภาพเพื่อปากท้อง ไม่ใช่เพื่อความเป็นมหาเศรษฐี อ้อ...แล้วก็เรื่อง ท่านที่มาสอบถามเรื่องการติดแก๊สอีกก็เช่นกัน ฝากบอกด้วยว่า ถ้ามีใจ ก็เชิญ ถ้าไม่แน่ใจก็หาข้อมูลก่อน สำหรับความเชื่อถือนั้นแล้วแต่ท่าน ผมเข็ดแล้วกับการมานั่ง สาธยาย ตั้งแต่หลักการจนถึง ราคา อุตส่าห์หาคำพูดทั้งหลักวิชา หลักอวิชชา เสียเวลาทำมาหากิน หลงนับถือท่านว่าท่านจริงใจ หายจ้อยสงสารตัวเองสรุปแล้ววันหลังผมขอคุยน้ิอยๆนะครับเอาผลงาน วัดกันดีกว่า แล้วก็โทรมาถามราคา มีทั้งอู่(จำเสียงได้ คนเก่า) ทั้งลูกค้้า ถ้าจริงใจราคานั้นคงไม่ หนีชาวบ้านหรอกครับ มาที่อู่เลยดีกว่า แค่นี้ก่อนนะครับ

28 มีนาคม 2555

เป็นตัวแทนติดตั้ง GPS

บ.แฮปปี้ไทม์ ติดต่อมาให้เป็นตัวแทนติดตั้ง GPS เป็นจ๊อบใหม่ครับ ส่วนงานแก๊ส งานซ่อมก็เหมือนเดิม

18 กุมภาพันธ์ 2555

8 กุมภาพันธ์ 2555

ทริปยาวจักรยาน

ทริปแรก นาคูหา ขึ้นดอยไปตามสันเขาลงบ้านบุญเริงออกบ้านห้วยม้าเข้าเมือง
ทริปสอง แพร่ ลอง ไป กลับ
ทริปสาม แพร่ แก่งเสือเต้น ไป กลับ
ทริปสี่ บ้านนาตอง
ทริปห้า ขึ้นดอยสุเทพ
ทริปหก ภูพญาพ่อ รอยต่อระหว่าง แพร่ อุตรดิตถ์
ไปงานแข่งมอไซค์ น่าน

29 มกราคม 2555

อยากไปแข่ง....

อยากไปแต่ว่าจะเลิก ....เฮ้อ.ๆๆๆๆ